น.ส.ฐาปนีย์ เกียรติไพบูลย์ ผู้ว่าการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) เปิดเผยว่า ในปี 67 ททท.วางเป้าหมายเพิ่มรายได้ท่องเที่ยว จ.ระนอง ซึ่งเป็นเมืองรอง ให้ได้ 7,000 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปี 2566 ที่มีรายได้ 6,727 ล้านบาท โดยมีนักท่องเที่ยวรวม 1.458 ล้านคน-ครั้ง เป็นชาวต่างชาติ 51,432 คน และนักท่องเที่ยวชาวไทย 1.4 ล้านคน
โดยในปี 67 ตั้งเป้าจำนวนนักท่องเที่ยวไว้ไม่ต่ำกว่าปี 66 ประเด็นสำคัญคือต้องเพิ่มสัดส่วนนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติให้ได้ 15% เพื่อสร้างรายได้ให้มากขึ้น จากปีที่ผ่านมาเป็นคนไทยกว่า 96.5% ส่วนคนต่างชาติอยู่ที่ 3.5%
ทั้งนี้ในปี 66 การท่องเที่ยวของ จ.ระนอง เป็นจังหวัดที่มีจำนวนนักท่องเที่ยวเกินกว่าเป้าที่วางไว้ 100% หรือเท่ากับปี 62 ซึ่งเป็นปีที่ดีที่สุดก่อนที่จะเกิดสถานการณ์โควิด-19 แต่ปรากกฏว่ามีนักท่องเที่ยวเพิ่มขึ้นจากปี 62 ถึง 19.81% โดยในปี 62 มีนักท่องเที่ยว 1.21 ล้านคน
อย่างไรก็ตาม จำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติที่เคยได้ในปี 62 ที่ 280,000 คน กลับลดลงมาเหลือ 51,432 คน ในปี 66 เนื่องจากปัญหาเที่ยวบินเข้า จ.ระนอง ลดลงจาก 4-5 เที่ยวบินต่อวัน เหลือเพียง 1-1.5 เที่ยวบินต่อวันเท่านั้น
“ททท.จึงวางแผนแก้ปัญหาเพื่อให้มีเที่ยวบินเพิ่มขึ้นโดยประสานกับกระทรวงคมนาคม และททท.ได้จัดเส้นทางท่องเที่ยวเชื่อมโยงกลุ่มจังหวัดภาคใต้ฝั่งอันดามันและฝั่งอ่าวไทยมายัง จ.ระนอง ด้วย เช่น เชื่อมโยงการเดินทางจากภูเก็ต พังงา และต่อมาถึงระนอง และจากระนองไปชุมพร และประจวบคีรีขันธ์ ตามเส้นทางไทยแลนด์ริเวียร่า”คำพูดจาก ทดลองปั่นสล็อต
น.ส.ฐาปนีย์ กล่าวว่า นักท่องเที่ยวต่างชาติ 5 อันดับแรกที่นิยมมาเที่ยว จ.ระนอง ได้แก่ เยอรมนี ฝรั่งเศส เนเธอร์แลนด์ จีน และสวิตเซอร์แลนด์ ที่ชอบจุดเด่นแหล่งท่องเที่ยวธรรมชาติและวิถีชุมชน ขณะที่ ททท.จะเจาะตลาดใหม่เพิ่มในตะวันออกกลาง ที่ชอบการท่องเที่ยวแบบกรีน ซีซั่น ซึ่งเหมาะกับ จ.ระนองเป็นเมืองที่มีฝน 8 เดือน และแดด 4 เดือน โดยเฉพาะซาอุดีอาระเบีย ที่มีกำลังซื้อสูง และระยะเวลาพำนักนาน 19-20 วัน มีค่าใช้จ่ายต่อทริปสูงที่สุด 99,000 บาทต่อคนต่อทริป อีกทั้ง ซาอุเดีย แอร์ไลน์ และริยาร์ด แอร์ ที่กำลังจะเปิดเที่ยวบินตรงมาภูเก็ต จะสามารถเชื่อมโยงมาเที่ยวระนองได้
นอกจากนี้จากโครงการเมกะโปรเจกต์ของจังหวัดระนอง ซึ่งจะทำให้การเดินทางจาก จ.ระนอง เชื่อมโยงกับจังหวัดใกล้เคียงและประเทศเพื่อนบ้านเป็นไปอย่างสะดวกและรวดเร็วยิ่งขึ้น ได้แก่ เส้นทางชุมพร-ระนอง (บ้านน้อยกลางป่าใหญ่-จุดชมวิวเขาออง-ป่าต้นน้ำบ้านคลองเรือ-น้ำตกหงาว-น้ำตกเหวโหลม-ภูเขาหญ้า-บ่อน้ำแร่ร้อนพระรั้ง-ธาริน ฮอทสปา-พระราชวังรัตนรังสรรค์-บ่อน้ำร้อนรักษะวาริน) จากโครงการขยายช่องจราจร (หมายเลข 4006) ซึ่งทำให้การเดินทางระหว่าง อ.หลังสวน จ.ชุมพร และ อ.เมือง จ.ระนอง ลดเวลาการเดินทางเหลือเพียง 30-40 นาที จาก 1 ชั่วโมง
เส้นทาง ระนอง-พังงา (เขาพ่อตาโชงโดง-คลองลัดโนด-อุทยานแห่งชาติแหลมสน-บ้านไร่ไออรุณ-ชุมชนบ้านแหลมนาว-ชุมชนทะเลนอก-ชุมชนบ้านไร่ใน) จากโครงการขยายช่องจราจร ถนนเพชรเกษม (หมายเลข 4) ซึ่งทำให้การเดินทางระหว่าง จ.ระนองและพังงา ลดเวลาการเดินทางเหลือเพียง 1-1.30 ชั่วโมง จาก 3.30-3.45 ชั่วโมง, การเดินทางเชื่อมโยงระหว่างไทย-เมียนมา จากโครงการท่าเทียบเรือเพื่อการท่องเที่ยว (ท่าเรือประภาคาร) เพื่อเป็นศูนย์กลางการรับส่งนักท่องเที่ยวชาวไทย เมียนมา และต่างชาติที่ต้องการเดินทางข้ามแดนไปท่องเที่ยว 2 ฝั่ง ไทย–เมียนมา